เลือกบิกินี่ให้เหมาะกับตัวคุณ

บิกินี่

     สิ่งที่สาวๆ จะขาดไม่ได้เลยตอนไปเที่ยวทะเลนั้นก็คือชุดว่ายน้ำหรือบิกินี่ที่จะไปเล่นน้ำทะเลอวดหุ่นสุดเซ็กซี่ แล้วบิกินี่แบบไหนที่เหมาะสมกับรูปร่างแต่ละแบบเรามาดูกันคะ

อกเล็ก
สาวอกเล็กอาจไม่ค่อยมั่นใจในการใส่ชุดว่ายน้ำ แต่สาวอกเล็กนี่ละที่สามารถใส่ชุดบิกินี่ที่เป็นแบบสายผูกด้านหลังได้อย่างน่ารักทีเดียว ถ้าอยากเพิ่มความมั่นใจอาจเลือกใส่บิกินี่ที่เสริมฟองน้ำเข้าไปนิดหน่อยหรือใช้วิธีการเลือกบิกินี่ที่เป็นรูปแบบระบายช่วงอกก็ช่วยได้อีกวิธีหนึ่ง

อกใหญ่
ถ้าคุณเป็นคนหน้าอกใหญ่ซึ่งเป็นที่อิจฉาของสาวๆ ทั้งหลายควรเลือกใส่ชุดบิกินี่ที่เป็นสายคล้องคอจะช่วยเสริมให้หน้าอกดูมีทรงมากยิ่งขึ้น และเลือกบิกินี่ส่วนบนเป็นสีเข้มเพื่อพรางหน้าอกของคุณให้ไม่ดูโป๊จนเกินไป

สะโพกใหญ่
สาวที่มีสะโพกใหญ่ควรเลือกให้บิกินี่ส่วนบนมีลูกเล่น ลวดลาย เพื่อดึงดูดจุดสนใจ ส่วนบิกินี่ท่อนล่างควรเป็นสีเข้มเพราะจะช่วยอำพรางสะโพกของคุณให้ดูเล็กลง หลีกเลี่ยงชุดที่มีระบายตรงส่วนก้น และส่วนล่างที่มีลัษณะเว้าสูงจนเกินไปเพราะจะยิ่งเน้นสะโพกของคุณให้ใหญ่ขึ้น

ไหล่กว้าง
ถ้าไหล่ของคุณกว้าง ควรเลือกชุดว่ายน้ำที่มีสายช่วงบนขนาดที่ใหญ่หน่อย คอควรเป็นแบบคอกว้าง หรือคอวี หลีกเลี่ยงการใส่บิกินี่ช่วงบนเป็นแบบคล้องคอ





แผลเป็นคีลอยด์ keloid

คีลอยด์-keloid
 
 
 
คีลอยด์ (Keloid) คือ รอยแผลเป็นที่มีลักษณะโตนูนแดง เกิดจากเนื้อเยื่อบริเวณนั้นมีการเจริญกว่าปกติเพื่อที่จะซ่อมแซมบาดแผล ขนาดของแผลคีลอยด์จะกว้างกว่าแผลที่เป็นในตอนแรก โดยมักจะเกิดหลังจากแผลหายแล้วประมาณหนึ่งอาทิตย์ แผลคีลอยด์นั้นเกิดขึ้นได้จากการเกิดแผลทุกประเภทไม่ว่าจะเป็น มีดบาด น้ำร้อนลวก เจาะหู การผ่าตัด และแผลอื่นๆ ซึ่งตำแหน่งที่พอได้บ่อยก็คือ บริเวณหลัง ไหล่ คอ หน้าอก แขน และขา
 
การดูแลแผลไม่ให้เกิดคีลอยด์
     ซึ่งเมื่อเกิดแผลขึ้นบนร่างกายไม่ว่าจะเป็นแผลเล็กหรือใหญ่ ควรที่จะดูแลแผลไม่ให้ติดเชื้อ ห้ามรบกวนหรือสัมผัสบริเวณแผลเมื่อแผลเริ่มตกสะเก็ดก็ห้ามแกะเป็นอันขาด พอสะเก็ดเริ่มหลุดออกอาจหายามาทาเพื่อป้องกันรอยเป็น หลีกเลี่ยงรอยแผลเป็นจากแสงแดดเพราะจะทำให้รอบแผลเป็นนั้นดำคล้ำ
 
วิธีรักษาคีลอยด์
- การทายารักษารอยแผลเป็นซึ่งจะต้องใช้ระยะเวลานานซักหน่อย โดยจะเห็นผลเมื่อทาต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือน หรืออาจเป็นปี
- การใช้แผ่นซิลิโคนปิดบริเวณแผลเป็น
- การฉีดยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ต้องทำการฉีดซ้ำหลายครั้งแล้วแต่ขนาดของรอบแผลเป็น และถ้าเป็นแผลที่เกิดขึ้นนานแล้ว อาจต้องทำการฉีดหลายครั้งกว่าแผลเป็นที่เพิ่งเกิด
- การใช้เลเซอร์ซึ่งจะช่วงให้หลอดเลือดหดตัว และจะทำให้สีของคีลอยด์เป็นธรรมชาติกลมกลืนกับผิวไม่แดง
- การผ่าตัดใช้กับแผลเป็นบางชนิดโดยจะทำการผ่าตัดเอาเนื้อที่นูนออก และเย็บแผลปิดใหม่ซึ่งเหมาะสำหรับแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่หรือเกิดขึ้นมานานแล้ว

โดสเร่งขาวคืออะไร อันตรายหรือไม่?

โดสเร่งขาว

     หลายคนอาจเคยเห็นโฆษณาขายโดสเร่งขาวจากสื่อต่างๆ ทางอินเตอร์ขายกันเป็นขวดละ 10 20 บาทขายเป็นกิโลกรัมก็มี คงเกิดข้อสงสัยว่าโดสเร่งขาวคืออะไร? ใช้แล้วจะขาวเหรอ? อันตรายไหม? เราจะมาทำความรู้จักกันคะ

โดสเร่งขาว คือ
     สาวๆ หลายคนคงรู้จัก AHA ซึ่งก็คือกรดชนิดหนึ่งที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว และมักจะเป็นส่วนผสมในพวกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวยี่ห้อต่างๆ ซึ่งจะผสมอยู่ในครีมบำรุงผิวอยู่ที่ปริมาณ 5-10% ส่วนเจ้าโดสเร่งขาวส่วนผสมของมันก็คือ AHA ผสมกับน้ำกลั่นสะอาดแต่ AHA ที่ว่านี้มีปริมาณถึง 70% ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ซึ่งในการใช้อาจจะดูทำให้ขาวขึ้นก็จริงแต่เป็นอันตรายต่อผิวคะ เพราะจะทำให้ผิวไวต่อแสงแดด ผิวบางลง ในบางรายอาจทำให้บริเวณผิวที่ใช้เป็นรอยด่างได้ ถึงจะอยากขาวอยากสวยแค่ไหนก็ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดก่อนใช้ให้ดี อย่างน้อยผลิตภัณฑ์ก็ควรมี อย. และที่อยู่ที่ผลิต ถึงจะวางใจได้

แปรงแต่งหน้าแต่ละแบบ

แปรงแต่งหน้า

     สาวๆ อาจเคยเห็นแปรงแต่งหน้ามากมายตามท้องตลาด ต่างมีรูปทรง และขนาดของแปรงแตกต่างกันเพื่อให้เหมาะสมตามการใช้งานในส่วนต่างๆ ของใบหน้า ก่อนที่เราจะมารู้จักกับการใช้งานแปรง เรามาดูชนิดของขนแปรงกันก่อนดีกว่าว่าทำมาจากอะไรกันบ้าง

ชนิดของขนแปรงแต่งหน้าจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ
- แปรงขนธรรมชาติ คือแปรงที่ทำมาจากขนสัตว์ต่างๆ เช่น ขนม้า ขนกระรอก ขนแพะ เป็นต้น แปรงที่ทำมาจากขนสัตว์มีคุณสมบัติที่ละเอียดเบาเหมาะสำหรับการแต่งหน้าที่เป็นเนื้อแป้่ง หรือฝุ่นผง เช่นการปัดแก้ม การทาอายแชโดว์ แต่ขนแปรงแบบธรรมชาติมักจะมีราคาค่อนข้างสูง
- แปรงขนสังเคราะห์ คือขนที่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์ ส่วนใหญ่ทำมาจากไนลอน ขนแปรงจะมีความนิ่ม แต่จะไม่คืนรูปเหมือนขนแบบธรรมชาติ เหมาะที่จะใช้กับเครื่องสำอางที่เป็นเนื้อครีม เช่น ครีมรองพื้น

ทีนี้เราจะมาดูว่าแปรงแต่งหน้าแต่ละแบบ มีหน้าที่แตกต่างกันอย่างไรบ้างโดยจะแบ่งตามการใช้งานในส่วนต่างๆ ของใบหน้า

แปรงรองพื้น ( Foundation Brush)
หัวแปรงจะมีทั้งแบบแบน แบบเป็นพุ่ม และแบบหัวตัดตรง ควรที่จะใช้ขนแปรงธรรมชาติ

แปรงรองพื้น



แปรงทาแป้ง (Powder Brush) 
หัวแปรงจะมีลักษณะเป็นพุ่มๆ นิ่ม ขนฟู ควรที่จะใช้ขนแปรงสังเคราะห์
แปรงทาแป้ง
แปรงปัดแก้ม (Blush Brush)
หัวแปรงลักษณะอาจคล้ายกับแปรงทาแป้ง แต่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อให้พอดีกับแก้ม ปลายหัวอาจจะมีลักษณะตัดเอียงนิดหน่อย แล้วแต่ยี่ห้อแปรง ควรใช้ขนแปรงสังเคราะห์ 


แปรงปัดแก้ม


แปรงทาคอนซีลเลอร์ (Concealer Brush) 
หัวแปรงจะมีลักษณะเรียวแบน ควรใช้ขนแปรงสังเคราะห์

แปรงทาคอนซีลเลอร์


แปรงทาอายแชโดว์ (Eye Shadow Brush)
หัวแปรงจะมีลักษณะโค้งมน ขนนุ่ม ควรใช้ขนแปรงธรรมชาติ

แปรงอายแชโดว์


แปรงเขียนอายไลน์เนอร์ (Eyeliner Brush)
หัวแปรงจะมีขนาดเล็ก อาจจะเป็นหัวตัดหรือหัวแหลม แล้วแต่จะเลือกใช้ ควรเป็นขนแปรงสงเคราะห์
แปรงอายไลน์เนอร์

แปรงทาคิ้ว (Brow Brush)
หัวแปรงจะมีขนาดเล็ก มีความแข็งพอสมควรสำหรับการวาดคิ้ว 
แปรงทาคิ้ว












การเลือกรองพื้น

เลือกรองพื้น

     รองพื้นหรือ Foundation เครื่องสำอางที่ใช้สำหรับเตรียมผิวให้เนียนเรียบ และเพื่อปกปิดริ้วรอย จุดด่างดำต่างๆ บนใบหน้า ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ หลายเฉดสี แล้วเราจะเลือกใช้แบบไหน อย่างไรถึงจะเหมาะกับผิวเราละ ?

รองพื้นแบ่งเป็น 3 ชนิด
-รองพื้นแบบน้ำ เป็นที่นิยมอยู่มากเพราะเกลี่ยง่าย มีความบางใสเหมาะสำหรับผิวหน้าธรรมดาหรือผิวหน้าที่มีปัญหาน้อย โดยรองพื้นจะแยกเป็นหลายสูตรด้วยกัน เช่น Sheer coverage จะปกปิดแบบบางเบา Full coverage จะปกปิดแบบเต็มที่
-รองพื้นแบบครีม เนื้อเป็นลักษณะครีมข้นจะเกลี่ยใช้ยากสักหน่อย เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดขั้นสูง 
-รองพื้นแบบแป้งผสมรองพื้น รองพื้นชนิดนี้ใช้ง่ายแม้เป็นเวลาที่เร่งรีบ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปกปิดไม่มาก และต้องการให้ดูเป็นธรรมชาติ

     เมื่อเรารู้จักชนิดของรองพื้นกันแล้วทีนี้ก็มาดูการเลือกรองพื้นกันดีกว่า ก่อนอื่นเราควรเลือกรองเพื้นให้เหมาะสมกับโอกาสที่ใช้ ว่าต้องแต่งหน้าไปทำอะไร ที่ไหน ถ้าแต่งหน้าออกจากบ้านปกติก็ใช้รองพื้นปกปิดธรรมดาก็พอ แต่ถ้าต้องแต่งหน้าไปออกงานก็ควรเลือกที่ปกปิดหน่อยเืพื่อให้หน้าสวยวิ้งตลอดทั้งงาน

การเลือกสีรองพื้น
     เมื่อเลือกรองพื้นได้เหมาะสมกับโอกาสแล้ว ทีนี้เราก็จะมาเลือกสีกันการเลือกสีรองพื้นให้เข้ากับสีผิวนั้นเราควรนำสีรองพื้นมาเทียบสีตรงบริเวณกราม หรือระหว่างใบหน้ากับลำคอ ถ้าตอนเลือกซื้อทดลองป้ายได้ก็ป้ายเลยเพราะจะได้เชคสีผิวให้ได้ใกล้เคียงที่สุด

     ไม่ยากเลยใช่ไหมคะในการเลือกรองพื้น แต่อย่างไรก็ตามการที่จะได้รองพื้นที่ถูกใจก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเพราะรองพื้นบางยี่ห้อทาไปอาจทำให้หน้าหมองคล้ำลงระหว่างวัน อันนี้สาวๆ ก็ต้องเลือกหากันแล้วละคะว่าแบรนไหนจะเหมาะสมกับสภาพผิวของตัวเอง ขอให้สนุกกับการเลือกรองพื้นนะคะ ^^ 



ผิวก็ชะลอความแก่ได้

ชะลอความแก่
   
     ยิ่งอายุมากขึ้นสาวๆ ก็คงเป็นห่วงผิวสวยๆ ที่จะหย่อนยานไปตามเวลาเพราะเซลผิวจะเริ่มเสื่อมและตายลงเหตุผลหลักของการเสื่อมของสภาพผิวนั้นคือ อนุมูลอิสระ

 อนุมูลอิสระคืออะไร? 
     หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่าอนุมูลอิสระได้ไม่รู้ว่าคืออะไรกันแน่ อนุมูลอิสระคือสารตัวหนึ่งที่ไปรวมตัวกับสารบางชนิดในร่างกายเรา แล้วก่อให้เกิดเป็นสารพิษที่ทำลายเนื้อเยื่อ หรืออาจไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางพันธุกรรมภายในเซลล์ ทำให้เซลล์ที่ปกติแปรสภาพไปเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด

อนุมูลอิสระเกิดขึ้นได้อย่างไร?
     อนุมูลอิสระเกิดจากการรับประทานอาหารที่ผ่านกระบวนบางอย่าง เช่นการปิ้งย่างเนื้อสัตว์ที่มีไขมันประกอบสูง การนำน้ำมันที่ใช้ทอดอาหารที่อุณหภูมิสูงๆ มาใช้ซ้ำ หรืออาจจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น จากแสงอาทิตย์ จากมลพิษ ควันบุหรี่ ไอเสียรถยนต์ เป็นต้น

วิธีลดการเกิดอนุมูลอิสระ?
     -เลือกรับประทานอาหาร งดอาหารที่ผ่านกระบวนการที่สร้างอนุมูลอิสระ เช่น อาหารปิ้งย่าง อาหารใช้น้ำมันทอดซ้ำ ควรรับประทานอาหารจำพวกวิตามินC ที่อยู่ในผักผลไม้ เช่น ฝรั่ง แอปเปิล ผักสลัด ฯลฯ วิตามินC จะทำงานร่วมกันได้ดีกับวิตามิน E ซึ่งมีในไข่ เนื้อสัตว์ จึงควรรับประทานอาหารให้สมดุลทุกหมู่
     -หลีกเลี่ยงแสงแดด หลีกเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วงเวลา 10.00-16.00น. ถ้าจำเป็นต้องออกแดดควรสวมหมวกปีกกว้าง กางร่ม สวมแว่นตาดำ และที่สำคัญทาครีมที่มีสารกันแดดทุกครั้ง
     -งดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงสถาพแวดล้อมที่มีมลพิษสูง
     -ไม่เครียด พยายามสร้างจิตใจให้แจ่มใส ไม่เครียดต่อการงานหรือสิ่งแวดล้อมต่างๆ อาจจะทำได้โดยการ ฝึกนั่งสมาธิ ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรกที่ชอบ เป็นต้น

การเกิดผิวหมองคล้ำ

หมองคล้ำ

     ปัจจัยที่ทำให้เกิดผิวหมองคล้ำนั้นเำกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ปัจจัยหลักคงจะหนีไม่พ้นแสงแดด โดยเฉพาะประเทศไทยที่มีแดดแทบทุกฤดูกาลเดินไปทางไหนก็หนีไม่พ้นแสงแดด ส่วนปัจจัยที่รองลงมาคือ การบำรุงผิว การใช้ครีมกันแดด หรืออาจเกิดจากความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

วิธีบอกลาผิวหมองคล้ำ
- หลีเลี่ยงแสงแดดจัดในช่วงเวลา 10.00-16.00 น. ช่วงเวลานี้จะเป็นเวลาที่แดดแรงมากควรหลบแดดในช่วงเวลานี้ แต่ถ้าจำเป็นต้องออกไปข้างนอกในช่วงเวลานี้ควรหาตัวช่วย ด้วยการกางร่ม ใส่หมวก ใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว 
- สครับผิวบ้างเป็นครั้งคราว เพื่อทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วออก เผยผิวใหม่ที่สดใสออกมา ทำเพียงอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ถ้าทำบ่อยจะเป็นการรบกวนผิวหนังมากจนเกินไป และห้ามทำขณะที่ผิวมีการอักเสบหรือเป็นสิวอยู่เพราะจะทำให้ระคายเคืองได้
- พอกหน้าด้วย AHA โดยอาจใช้เป็นพวกผลไม้เช่น สับปะรด มะนาว มะขามเปียก นำมาพอกทิ้งไวประมาณ 5 - 10 นาที ไม่ควรใช้เวลาในการพอกนานจนเกินไปเพราะอาจทำให้ระคายเคืองผิว




การนอนเพื่อสุขภาพ

นอนหลับ

     โดยปกติมนุษย์ใช้เวลากับการนอนเฉลี่ยอยู่ที่ 1 ใน 3 ของการใช้ชีวิตในแต่ละวัน การนอนถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเพราะมีผลต่อสุขภาพร่างกาย ซึ่งการที่จะนอนที่ดีคือการนอนที่หลับสนิท ไม่มีการหลับๆ ตื่นๆ จะช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

การนอนทีดี
1. เข้านอนให้เป็นเวลา การหลับ และการตื่นเป็นเวลาช่วยส่งผลดีต่อนาฬิการ่างกาย 
2. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนจะทำให้คุณไม่ง่วง และนอนหลับได้ยาก
3. จัดห้องนอนให้เหมาะสมกับการพักผ่อน เช่น อากาศถ่ายเทสะดวก อุณภูมิพอเหมาะ บรรยากาศ 
4. เตรียมตัวก่อนเข้านอน โดยการปิดสิ่งรบกวนต่างๆ เช่น คอมพิวเตอร์ ทีวี 
5. ผ่อนคลายก่อนนอนโดยการพักเรื่องที่เครียดจากงาน ความกังวลใจออกไปก่อน หรืออาจนั่งทำสมาธิก่อนนอน เพื่อให้หลับได้สนิทยิ่่งขึ้น 

ควรจะนอนวันละกี่ชั่วโมง?
     บางคนอาจสงสัยว่าแล้วในหนึ่งวันคนเราควรที่จะใช้เวลากับการนอนวันละกี่ชั่วโมงถึงจะเพียงพอ ซึ่งโดยทั่วไปชั่วโมงการนอนจะขึ้นอยู่กับวัยเป็นหลัก ในเด็กที่่ร่างกายกำลังเจริญเติบโตนั้นควรนอนวันละ 10-11 ชั่วโมง ในช่วงคนวัยทำงานก็จะอยู่ที่ 6-8 ชั่วโมง ส่วนในวัยผู้สูงอายุจะอยู่ที่ 4-6 ชั่วโมง

ประโยชน์ที่ได้จากการนอนหลับสนิท
     - ทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า กระตือรือร้น สดชื่นพร้อมที่จะทำกิจกรรมในแต่ละวัน
     - ช่วยในเรื่องของการเรียน และการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
     - ทำให้อารมณ์ดี แจ่มใส ไม่หงุดหงิดอารมณ์เสียง่าย

     การพักผ่อนก็เหมือนเป็นการชาร์ตแบตเติมไฟให้กับร่างกายที่เหนื่อยล้าได้มีพลังกลับมาอีกครั้งเพื่อให้พร้อมรับกับเช้าวันใหม่ที่สดใสกว่าเดิม ^^ 



 
Beauty-tips Copyright © 2011 | Tema diseñado por: compartidisimo | Con la tecnología de: Blogger